# เกณฑ์เทียบสีเม่นแคระในไทย #

เม่นแคระที่เลี้ยงกันในโลกใบนี้นั้น มีอยู่หลายๆสายพันธุ์ด้วยกัน โดยแต่ละสายพันธ์ ก็มีลักษณะและโทนสีที่แตกต่างกันออกไป เป็นการยากมากที่เรา จะจำแนกแยกแยะสีเม่นแคระออกมาทั้งหมด ตามสายพันธุ์ที่มีอยู่ ตามสีที่เกิดขึ้นได้ ทั้งนี้เพราะ ยังไม่มีการจัดเก็บรายละเอียดข้อมูลๆที่แน่นอน อย่างเป็นระบบ ระเบียบ จึงทำให้เกิดความสับสน ในการให้รายละเอียดสีเม่นแคระ อีกทั้ง การผสมพันธ์ของเม่นแคระที่ไม่ได้มีการควบคุม ทำให้เกิดโทนสีที่แตกต่างออกมาอีกมากมาย
สำหรับประเทศไทยนั้น เม่นแคระได้ถูกนำเข้ามาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงตามบ้านเรือน และได้รับการดูแล ผสมพันธ์อย่างไม่มีการควบคุมเช่นกัน จึงทำให้เกิดโทนสี ที่แตกต่างกันออกมาอีกมากมาย เพื่อให้ง่ายต่อการแยกแยะ เปรียบเทียบสีเม่นแคระ จึงได้จัดทำหน้าเว็บเพจนี้ขึ้นมา โดยมีรายละเอียดของแต่ละสี ที่นิยมใช้เรียกกันในประเทศไทย รูปภาพประกอบ ในการทำความเข้าใจ เพื่อใช้ประโยชน์ในการอ้างอิง เปรียบเทียบสีเม่นแคระกันในเบื้องต้น

กลุ่มสีเบื้องต้น



1.NORMAL


หนาม: พาดด้วยสีดำ
หน้า: สีดำ,คล้ำ
ผิวหนังใต้หนาม: สีดำ,คล้ำ
ตา: สีดำ
จมูก: สีดำ,คล้ำ
หู: สีดำ,คล้ำ
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้มักมีสีเข้มมาก-น้อย แตกต่างกันนิดหน่อย สามารถดู หรือ สังเกตุสีได้ตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ



2.CHOCOLATE


หนาม: พาดด้วยสีน้ำตาลเข้ม ค่อยข้างจะไปทางดำ หรือสีน้ำตาลไหม้ เหมือนสีช็อกโกแลตที่เราทานๆกัน
หน้า: สีน้ำตาล
ผิวหนังใต้หนาม: สีน้ำตาล
ตา: สีดำ
จมูก: สีน้ำตาลเข้ม ค่อยข้างไปทางดำ
หู: สีน้ำตาล
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้ การสังเกตุสีตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ นั้นค่อนข้างยาก ต้องรอให้เม่นผลัดขนรอบที่ 2 คืออายุประมาณ 5 เดือนขึ้นไป



3.BROWN


หนาม: พาดด้วยสีน้ำตาลอ่อน
หน้า: สีน้ำตาลอ่อน
ผิวหนังใต้หนาม: สีน้ำตาลอ่อน
ตา: สีดำ
จมูก: สีน้ำตาลอ่อน
หู: สีน้ำตาลอ่อน
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้ สามารถดู หรือ สังเกตุสีได้ตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ



4.CINNAMON


หนาม: พาดด้วยสีเทาน้ำตาล
หน้า: ขาว
ผิวหนังใต้หนาม: สีชมพู
ตา: สีดำ หรือ ดำอมแดง(ดำมากกว่าแดง)
จมูก: สีตับอ่อน
หู: สีชมพู
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้ สามารถดู หรือ สังเกตุสีได้ตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ ความแตกต่างระหว่างเม่นสีนี้กลับ Brown คือสีผิวหนังใต้หนาม และสีของจมูกโดย Brown นั้นสีผิวหนัง และจมูก จะค่อยข้างไปทางคล้ำ แต่ Cinnimon จะค่อยข้างไปทางใส



5.CINNICOT


หนาม: พาดด้วยสีเทาอมส้ม หรือ น้ำตาลอมส้ม
หน้า: ชมพู
ผิวหนังใต้หนาม: สีชมพู
ตา: สีดำ หรือ ดำอมแดง(ดำมากกว่าแดง)หรือ แดงอมดำ(แดงมากกว่าดำ)
จมูก: สีชมพู
หู: สีชมพู
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้ สามารถดู หรือ สังเกตุสีได้ตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ



6.APRICOT


หนาม: พาดด้วยส้ม
หน้า: ชมพู
ผิวหนังใต้หนาม: สีชมพู
ตา: สีแดงเข้ม หรือ สีทับทิม
จมูก: สีชมพู
หู: สีชมพู
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้ สามารถดู หรือ สังเกตุสีได้ตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ



7.ALBINO


หนาม: สีขาวล้วนทั้งเส้น ไม่มีสีอื่นปน
หน้า: ชมพู
ผิวหนังใต้หนาม: สีชมพู
ตา: สีแดงใส
จมูก: สีชมพู
หู: สีชมพู
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้ สามารถดู หรือ สังเกตุสีได้ตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ ลักษณะจะเป็นสีเผือก เหมือนสัตว์หลายๆชนิด มักเรียกกันง่ายๆว่า "ขาวตาแดง"




กลุ่มสีพิเศษ


1.X-SNOWFLAKE


ลักษณะ: โดยรวมจะดูเหมือนกลุ่มสีพื้นข้างต้น แต่จะมีหนามสีขาวทั้งเส้น ขึ้นแซมอยู่ทั่วทั้งตัวประมาณ 30-70%
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้ การสังเกตุสีตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ นั้นค่อนข้างยาก ต้องรอให้เม่นผลัดขนรอบที่ 2 คืออายุประมาณ 5เดือนขึ้นไปถึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง สำหรับเม่นที่ซื้อขายกันในอายุประมาณ 2 เดือน สามารถดูแวว หรือความน่าจะเป็นได้ แต่ก็ไม่แน่นอน 100 %



2.X-WHITE


ลักษณะ: โดยรวมจะดูเหมือนกลุ่มสีพื้นข้างต้น แต่จะมีหนามสีขาวทั้งเส้น ขึ้นแซมอยู่ทั่วทั้งตัวมากกว่า 95%
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้ การสังเกตุสีตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ นั้นค่อนข้างยาก ต้องรอให้เม่นผลัดขนรอบที่ 2 คืออายุประมาณ 5เดือนขึ้นไปถึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง มักเรียกกันง่ายๆว่า "ขาวตาดำ"



3.X-PINTO


ลักษณะ: โดยรวมจะดูเหมือนกลุ่มสีพื้นข้างต้น แต่จะมีหนามสีขาวทั้งเส้น ขึ้นแซมอยู่เป็นกลุ่มๆ มีบริเวณ เป็นจุดๆ
อื่นๆ: สำหรับเม่นสีนี้ สามารถดู หรือ สังเกตุสีได้ตั้งแต่เม่นอายุน้อยๆ
  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

# เรื่องการผสมพันธุ์ เม่นแคระ #

การผสมนั้นมีได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับผู้เลี้ยงและเม่นเป็นสำคัญ วิธีนั้นไม่ตายตัว ขอแค่ ให้ตัวผู้ขึ้นตัวเมียได้เท่านั้นพอ ผมจะแนะนำ วิธีการจับคู่ผสมพันธุ์ แบบที่ผมได้ใช้อยู่ในปัจุบันให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ ทราบกัน สำหรับบางท่าน ที่ยังหาวิธีจำคู่ไม่ได้ ยังไงลองนำวิธี ดังกล่าวนี้ ไปทดลองใช้ก็ไม่ว่ากันครับ สำหรับการเพาะเลี้ยง หรือ การจับคู่ ควรให้เม่นมีอายุที่พร้อมแก่การผสมพันธุ์ครับ เนื่องด้วย หาก ผสมก่อนวัยอันควร ก็สามารถทำให้ เม่นตัวดังกล่าวอายุสั้น และ โทรมลงอย่างรวดเร็ว ได้ครับ อีกทั้งลูกที่ออกมา ก็แคระแกรน ทำให้สายพันธุ์ของเม่นเรา ตกต่ำไปอีกด้วยครับ เห็นใหมหละครับว่า ไม่คุ้มกันเลยกับการรีบจับคู่ผสมพันธุ์

วิธีการผสมพันธุ์ แบบ ฟาร์ม PP

# เม่น อายุเกิน 5 เดือน
#เลือกเม่นที่เข้ากันได้ ( แต่จิงๆถึงเข้าไม่ได้ ถ้าตัวผู้มันหื่นมันก็ข่มขืนอยู่ดี) แต่ข้อแตกต่าง คือ ลูกเม่น ที่ออกมาจากพ่อแม่ ชอบกันนั้น จะเยอะกว่า แล้วก็สมบูรณ์ สีสวยกว่า พ่อและแม่ตั้งใจทำก็ว่าได้ อะไรประมาณนั้น
#วิธีใส่ แนะนำ ให้ใส่ ตัวเมียลงตัวผู้ ดีกว่าเยอะ เพราะอะไรนั้นหรอ เพราะ ปกติเม่นที่ลงไปอยู่ในที่ใหม่ๆ หรือเขตของเม่นตัวอื่นจะ กลัว กลัวมาก กลัวมากที่สุด แล้วตัวผู้ก็จะใช้กำลัง ขืนใจตัวเมีย ง่ายขึ้น
#เวลาในการใส่ แบ่งเป็น 3-5-7 วัน แล้วแต่ (คำถามตามมา ว่าแล้วจะรู้ได้ไงว่ามันจะติดตอนไหน อันนี้ แนะนำว่า ให้ใส่ ไป 7วันเลย เพราะ ใน 7 วัน เม่นมันผสม ทุกวัน อยู่แล้ว เวลาไข่ตก(ตัวเมีย) ของเม่นนั้นจะเกิด ทุกๆ ประมาณ 7 วัน ไงก็ติด ) แต่ให้สังเกตุว่า เม่นตัวเมีย หนี แบบปิดปกติ หรือป่าว ถ้าหนี แบบสุดๆ เป็นไปได้ว่า เม่นท้องแล้ว เพราะ ที่เคยสังเกตุมา เม่นทับติดแล้วจะไม่ยอมให้ตัวผู้ขี่อีก
#เม่นท้อง น้ำหนักจะขึ้น ประมาณ 50-250 อันนี้ขึ้นก่ะจำนวนน้องเม่นในท้องก่ะ จำนวนวันที่เม่นท้อง และก็ อยู่ประมาณ 34 วัน อาการอื่นก็จะมี กินเยอะ อึ ถ่ายเป็นที ไม่ค่อยให่จับ (แต่แนะนำให้ทำประวัติ น้ำหนัก จะดีที่สุด ก่อนหลังผสม แม่นสุดจ้า)
#ที่คลอด กล่องต้องพร้อม ที่อยู่ ต้องไม่ทำให้เม่นเคลียด ไม่มีการเคลื่อนย้าย เปลี่ยนขี้เลื่อย หลายๆๆกระทู้ มักมีการกินลุกเกิดจากเม่นเคลียดไม่พร้อม มีกลิ่นเม่นตัวอื่น เจ้าของยุ่งก่ะมันมากไป
#บ้านเม่น ทำให้พร้อม มี 2 ส่วน ตัวห้องน้ำ ก่ะ ที่ให้อาหาร โดยปกติ เม่นจะออกมากินเอง แล้วถ่ายนอกห้องนอนอยู่แล้ว เปลี่ยนขี้เลื่อยได้หลังจาก คลอดได้ ประมาณ 7 – 14 วันขึ้นไป แต่ต้องระวังให้มาก เปลี่ยนแค่ที่ถ่าย เก็บอึ บางส่วนพอ อย่าเอาออกหมด ผิดกลิ่นไม่ได้เลย
#ตัวห้องนอน ต้องมีอากาศถ่ายเทได้ ไม่ใช่ปิดตายมีแต่ประตู เพราะแม่เม่นจะไม่อยู่ในบ้าน ออกนอนนอกบ้านเพราะมันร้อนไม่ยอมให้นม เรื่องแสง ก็สำคัญ ไม่ควรให้แสงเข้าไปในส่วนตัวห้องนอน

## ทางเราได้ทำการเรียบเรียงจากประสบการณ์จริง ในการเลี้ยงดูเม่นแคระ การจับคู่นั้น สามารถทำได้หลายวิธี แล้วแต่เทคนิคของแต่ละท่าน หากท่านใดมีวิธีอื่นๆ แนะนำมาให้ทราบกันบ้างนะครับ หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ ฟาร์ม PP ของเราได้นะครับ
  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

# การเลี้ยงดูเม่นแคระ #

ส่วนใหญ่ผู้เลี้ยงเม่นแคระในประเทศไทย มักจะเลี้ยงเม่นแคระกันในกล่องพลาสติกทึบแสง ที่มีขายกันอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปๆ ขนาดพอประมาณ นำมาดัดแปลงกันเอาเอง ทั้งการเจาะรูด้านข้างด้วยสว่านเจาะ หรือการเจาะเป็นช่องแล้วนำตาข่ายมาติดด้วยน็อต หรือไม่ก็ใช้กาวแท่งร่วมกับปืนกาว ช่วยในการยึดติดตาข่าย เพื่อการระบายอาหารภายในกล่องเลี้ยงเม่นแคระ โดย 1 กล่องควรจะเลี้ยงเม่นแคระ แค่ตัวเดียวเท่านั้น เพื่อป้องกันการกัดกัน และการผสมพันธุ์กันก่อนวัยที่เหมาะสมของเม่นแคระ ซึ่งเป็นอันตรายทั้งตัวลูกและแม่เม่นแคระเอง
  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

# ลักษณะนิสัยของเม่นแคระ #

เม่นแคระเป็นสัตว์สันโดษ หากินตัวเดียวในตอนกลางคืน กลางวันนอน มีนิสัยชอบอยู่ตัวเดียว หวงอาณาเขต บริเวณหากินของตัวเอง ดังนั้นไม่แนะนำให้เลี้ยงเม่นแคระมากกว่า 1 ตัวในพื้นที่เลี้ยงเดียวกัน เพราะอาจเป็นสาเหตุให้เม่นแคระต่อสู้ กัดกัน เพื่อแย่งชิงอาณาเขตบริเวณในการหาอาหาร แนะนำให้เลี้ยงแยกกันโดยเด็ดขาด อาจจับรวมกันได้บ้าง กรณีต้องการจับคู่ผสมพันธุ์เมื่อเม่นแคระอยู่ในวัยที่เหมาะสม คือช่วงอายุประมาณ 5 เดือนขึ้นไป เม่นแคระเป็นสัตว์ขี้ระแวง ชอบหลบซ่อนตัวในตอนกลางวัน ถ้ามีอะไรผิดปกติหรือไม่คุ้นเคย เม่นแคระมักจะซุกตัวหาที่ซ่อน หรือขดตัวม้วนกลม เก็บขา หน้าตา และทำหนามตั้งชันขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจากอันตราย แต่หากเม่นแคระได้กลิ่นแปลกๆจากวัตถุ สิ่งของต่างๆ เม่นแคระมักจะกัดและเคี้ยววัตถุสิ่งของดังกล่าวจนเกิดเป็นฟองน้ำลาย แล้วนำฟองน้ำลายดังกล่าวมาแปะติดไว้ตามตัว เพื่อจดจำกลิ่นดังกล่าว หรือปรับตัวเองให้มีกลิ่นเหมือนสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นลักษณะนิสัยตามปรกติของเม่นแคระทุกๆตัว ดังนั้นควรระมัดระวัง และหาทางป้องกันไม่ให้เม่นได้รับอันตรายจากพฤติกรรมนี้ ด้วยการไปกัด เคี้ยววัตถุที่มีพิษ จนอาจทำให้ได้รับสารพิษดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายและเสียชีวิตได้ อีกอย่างผู้เลี้ยงเม่นแคระใหม่ๆ ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมนี้ จะได้ไม่ตกใจจนเกินเหตุ เมื่อเห็นเม่นแคระแสดงพฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นนี้ เช่น ตอนเปลี่ยนอาหารแมวรสใหม่ให้เม่นแคระ หรือการที่เปลี่ยนถ้วยอาหาร หรืออุปกรณ์ใหม่ๆเข้าไปในพื้นที่การเลี้ยงดู
  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

# มาทำความรู้จักเม่นแคระกัน #

African pygmy hedgehog หรือ เม่นแคระ หรือชื่อไทยอื่นๆ ที่เคยได้ยินคนเรียกขานถึงสัตว์ชนิดนี้กัน เช่น "เม่นจิ๋ว" ,"เม่นสี " ,"ทุเรียนเดินได้" ,"เงาะหนาม" ชื่อเหล่านี้ล้วนเกิดจากลักษณะจุดเด่นของสัตว์ตัวนี้ทั้งนั้น ด้วยลำตัวที่ปกคลุมไปด้วยหนามทั่วทั้งตัว หรือพฤติกรรมเพื่อป้องกันตัวเองจากศัตรู ด้วยการขดตัวม้วนกลม จนมองไม่เห็นขา หรือหน้าตา นอกจากหนามรอบตัว

เม่นแคระถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก โตเต็มที่มีขนาดใกล้เคียงกับหนูแกสปี้ หากินตามพื้นดิน อาหารหลักคือพวกแมลง หนอน สัตว์เล็กๆที่อยู่ตามพื้นดิน ออกหากินในตอนกลางคืน และพักผ่อน หลบซ่อนตัวเองจากศัตรูในตอนกลางวัน

มีจุดเด่นคือผิวหนังด้านบนจะปกคลุมด้วยหนามแข็งๆทั่วทั้งตัว โดยหนามจะมีโทนสีที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละตัว ส่วนผิวหนังด้านล่างส่วนท้องของลำตัวนั้นจะปกคลุมด้วยขนอ่อน มีลักษณะหยาบนิดหน่อย ไม่แข็งเป็นหนามเหมือนด้านบน

สำหรับถิ่นกำเนิดจุดเริ่มต้นของสัตว์ชนิดนี้ มาจากทวีปแอฟริกา และมีการนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง และ มีการพัฒนาสายพันธุ์กันในแถบยุโรป อเมริกา จนทำให้ได้ลักษณะเม่นที่แตกต่างกันมากมาย ทั้งในด้านของสีหนามและลักษณะภายนอกอื่นๆ จนมีการตั้งชื่อและกำหนดลักษณะมาตรฐานสีชื่อกันขึ้นมา

สำหรับประเทศไทยนั้น เม่นแคระได้ถูกนำเข้ามาเพื่อเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงตามบ้านเรือน เช่นเดียวกัน ซึ่งก็ถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีจุดเด่นของตัวเอง เลี้ยงง่าย ดูแลก็ง่าย อีกทั้งพื้นที่ ที่ใช้ในการเลี้ยงก็น้อย และเรื่องของอาหารการกินที่ต้องจัดเตรียมให้เขา ก็ไม่ยุ่งยากมากนัก โดยเราสามารถให้อาหารแมวที่มีขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปได้ แล้วอาจจะเสริมด้วยหนอนนก(อาหารสุดโปรดของเม่นแคระ) หรือผลไม้ที่มีรสหวาน อาทิเช่น แอปเปิ้ล บ้างเป็นบ้างครั้งก็ได้
  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS